ขณะที่คุณยายวัย 90 ปีนั่งอยู่บนรถประจำทาง มีหญิงสาวคนหนึ่ง ท่าทางเป็นสาวพนักงาน สะพายกระเป๋าใบโตขึ้นมาบนรถ แล้วก็เลยหย่อนตัวลงนั่งข้างคุณยาย ปรากฏว่ากระเป๋าของเธอไปโดนใบหน้าของคุณยาย แต่คุณยายก็นิ่งเฉย
นั่งได้สักพัก เธอก็ล้วงกระเป๋า หาอะไรสักอย่าง ค้นอยู่นาน กระเป๋าใบโตนั้นก็สะกิดแขนคุณยายตลอดเวลา สักพักเธอก็ลุกพรวด กระเป๋าเหวี่ยงเกือบโดนใบหน้าคุณยาย แต่คราวนี้คุณยายเอามือกันไว้ทัน
ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหลัง เห็นเหตุการณ์ตลอด จึงพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ระวังกระเป๋าคุณหน่อย มันไปโดนคนอื่นแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นหันมามอง แต่สีหน้านิ่งเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซ้ำยังไม่เอ่ยคำขอโทษ แล้วก็เดินลงรถราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายคนนั้นถามคุณยายว่า “ทำไมคุณยายนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรเลยครับ
คุณยายยิ้ม แล้วตอบว่า “อะไรที่ไม่สำคัญ ก็อย่าไปเสียเวลากับมันเลย เรื่องแบบนี้ถ้าปล่อยให้มันผ่านเลยไป ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประเดี๋ยวฉันก็ลืมไปแล้ว แต่ถ้าใส่ใจกับมัน เอาเรื่องเอาราวกับมัน เห็นมันเป็นเรื่องใหญ่โต ก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทกัน ทำให้อารมณ์เสียไปทั้งวัน เผลอ ๆ จะนอนไม่หลับเสียอีก เธอกับฉัน หรือผู้หญิงคนนั้น เราอยู่บนรถโดยสารคันนี้แค่ชั่วคราว เดี๋ยวป้ายหน้าฉันก็ลงแล้ว จะหงุดหงิดหัวเสียกับเรื่องแบบนี้ไปทำไม”
คำพูดของคุณยายให้ข้อคิดที่ดีมาก อะไรที่ไม่สลักสำคัญก็อย่าไปเสียเวลากับมันมาก การกระทบกระทั่งกัน ไม่ว่าด้วยการกระทำหรือการพูดเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าถือเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นโมโหโกรธา มันจะไม่จบแค่นั้น จะมีการทะเลาะวิวาทตามมา เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ สุดท้ายก็ทำให้เสียอารมณ์ไปทั้งวัน
ผู้คนมักจะบอกว่า ฉันไม่มีเวลา ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ หรือดูแลลูก แต่ทำไมกลับมีเวลาให้กับความโกรธ มีเวลาให้กับความทุกข์ มีเวลาให้กับความขุ่นเคือง เพราะอะไร เพราะว่าเรามัวไปใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ใช่ไหม
คนเราถ้ามีความถือตัวมาก เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไป แต่ถ้าหากเรารักตัวเองจริงๆ เราจะพบว่าไม่ควรเอาจริงเอาจังกับเรื่องแบบนี้เลย ดูเผิน ๆ การทะเลาะกับคนอื่นเพราะเรื่องแบบนี้เป็นการปกป้องตัวเอง แต่ที่จริงกลับกลายเป็นการซ้ำเติมหรือเพิ่มความทุกข์ให้กับตัวเอง แทนที่เราจะมีเวลาให้กับสิ่งดี ๆ ที่ชวนให้เกิดความผ่อนคลายสบายใจ กลับหมกมุ่นขึ้งเคียดคับแค้นกับเรื่องแบบนี้ เรียกว่าปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์ นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังเป็นการเติมความทุกข์ให้ตน
คำพูดของคุณยายประโยคหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือ “เราอยู่บนรถโดยสารคันนี้แค่ชั่วคราว เดี๋ยวป้ายหน้าฉันก็ลงแล้ว” ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้ง เพราะอันที่จริงเราทุกคนล้วนอยู่บนโลกนี้แค่ชั่วคราวเหมือนกัน อีกไม่นานทุกคนก็ต้องลาจากโลกนี้ไป ในเมื่อเราอยู่ในโลกนี้เพียงแค่ชั่วคราว ก็อย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจเปล่า ๆ
คนเราเวลาโกรธแค้นกัน ลองนึกว่า เราอยู่ในโลกนี้เพียงแค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็ต้องแยกย้ายจากกันไปแล้ว จะโกรธกันหรือทะเลาะเบาะแว้งไปทำไม
เวลาเรายิ่งเหลือน้อย เวลาแต่ละนาที แต่ละชั่วโมง ล้วนมีค่า เอาเวลานั้นมาใช้กับการทำสิ่งดี ๆ หรือว่าจดจ่อกับสิ่งที่ให้ความรู้สึกดี ๆ ทั้งกับตัวเองและต่อกันดีกว่า ยิ่งเวลาเหลือน้อย ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า อย่าปล่อยเวลาให้หมดไปกับความทุกข์ ความโกรธ ความแค้น หรือความเศร้า
คติของคุณยาย ที่จริงไม่ได้เหมาะสำหรับคนแก่อย่างเดียว แต่ยังเหมาะสำหรับคนทุกวัย รวมทั้งเด็กและหนุ่มสาวด้วย เพราะถ้าเราไปเสียเวลาเสียอารมณ์กับเรื่องเล็กน้อย เราก็จะไม่มีความสุขเลย ถึงแม้ทำไปแล้ว เราจะรู้สึกว่าฉันชนะ แต่กลับเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่ใช่แค่อารมณ์เสีย แต่อาจเสียเพื่อน และเสียอะไรอีกมากมาย จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเพิกเฉยมัน ปล่อยมันผ่านไป ไม่เอาเรื่องเอาราวกับมัน แล้วเราก็จะสบายใจไปทั้งวัน ถึงเวลานอนก็หลับสบาย
นี่คือวิถีของคนที่รักตัวเอง ไม่ปรารถนาที่จะหาความทุกข์มาใส่ใจ หรือเอาความทุกข์มาซ้ำเติมตัวเอง