นิทานเรื่องหนึ่งซึ่งแพร่หลายในภูฐานมาก มักเห็นได้ในจิตรกรรมฝาผนังของวัดวาอาราม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นั่นคือนิทานเรื่องสี่สหาย นิทานเรื่องนี้คงประทับใจชาวบ้านมาก เพราะแม้กระทั่งตามบ้านเรือนของผู้คนทั่วไปก็มีภาพนิทานเรื่องนี้ติดตามฝาผนัง ราวกับเป็นสิริมงคลอย่างหนึ่งของบ้าน
นิทานสี่สหายมีที่มาจากชาดกในพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวของนก กระต่าย ลิง และช้าง ที่ร่วมมือกันปลูกต้นไม้ใหญ่ โดยนกเป็นผู้คาบเมล็ดมา จากนั้นกระต่ายรับหน้าที่รดน้ำ ลิงหาปุ๋ยมาให้ ส่วนช้างคอยบังแดดบังลม ป้องกันมิให้เกิดอันตราย ในที่สุดต้นไม้ก็เติบใหญ่ และผลิดอกออกผลให้ทั้งสี่ได้เก็บกินและอาศัยให้เกิดสุข
นิทานเรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงด้านที่งดงามของความแตกต่าง ความแตกต่างนั้นสามารถเป็นสิ่งหนุนเสริมกันให้เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่เกื้อกูลทุกฝ่าย ไม่ว่าใครก็ตาม แม้ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีข้อจำกัด ไม่มีวันสมบูรณ์แบบได้ ดังนั้น จึงต้องพึ่งพาผู้อื่น เฉกเช่นช้างก็ต้องพึ่งพานก กระต่าย และลิง
ผู้ฉลาดย่อมรู้จักใช้ความแตกต่างให้เกิดประโยชน์ เพราะมองเห็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน ส่วนผู้ไม่มีปัญญานั้นย่อมหลงติดอยู่ในความแตกต่าง จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และลงเอยด้วยการทะเลาะวิวาทกัน
โลกทุกวันนี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย แต่ละวันเราต้องเจอผู้คนมากมายที่มีความแตกต่างจากเรา นอกจากความแตกต่างทางด้านนิสัยใจคอ ประสบการณ์ และความคิดเห็นแล้ว ยังมีความแตกต่างทางด้านศาสนา ภาษา เชื้อชาติ สีผิว และความเชื่ออีกด้วย ความแตกต่างเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสิ่งที่เราควรให้ความเคารพ ไม่ควรรังเกียจหรือดูถูกเหยียดหยาม อันนี้รวมไปถึงความแตกต่างทางด้านสถานะด้วย หมายความว่า แม้เจอคนที่เรียนน้อยกว่าเรา มีเงินน้อยกว่าเรา หรือเป็นนักการภารโรง คนเก็บขยะ หรือคนทำงานในบ้าน เราก็ควรเคารพเขา เพราะถึงอย่างไรเขาก็มีความเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา และจะว่าไปแล้วเราก็ต้องพึ่งพาอาศัยเขาด้วย
มีเรื่องเล่าว่า นักเรียนคนหนึ่งทำข้อสอบวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ข้อสอบมี ๒๐ ข้อ ข้อสุดท้ายถามว่า “คนทำความสะอาดของโรงเรียนชื่ออะไร ?” นักเรียนเกิดความสงสัยขึ้นมา จึงถามครูว่า “คุณครูครับ คะแนนจากคำถามข้อสุดท้ายจะเอาไปรวมกับคะแนนสอบทั้งหมดหรือเปล่า ?” ครูซึ่งเป็นผู้ออกข้อสอบเอง ตอบว่า “แน่นอน” นักเรียนผู้นั้นจึงถามเหตุผล
ครูตอบว่า “ในชีวิตของเธอ จะพบผู้คนมากมาย มีทั้งรวยและจน ใหญ่โตและต่ำต้อย ทุกคนมีความสำคัญทั้งนั้น สมควรที่จะได้รับความสนใจและความเคารพจากเธอ ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหน ล้วนมีคนเล็กคนน้อยมากมาย รวมทั้งคนธรรมดาสามัญ ที่ช่วยให้เธออยู่อย่างปกติสุข ชีวิตราบรื่น สะดวกสบาย แม้กระทั่งเวลาอยู่ในโรงเรียน ถ้าไม่มีคนทำความสะอาด โรงเรียนก็จะสกปรก ห้องเรียนก็จะรก บรรยากาศไม่น่าเรียน แต่ถ้าโรงเรียนสะอาด ห้องเรียนเป็นระเบียบ บรรยากาศก็น่าเรียน วิชาความรู้ที่เธอได้รับ คนทำความสะอาดก็มีส่วนด้วย ฉะนั้น เขาจึงเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่เธอไม่ควรมองข้าม อย่างน้อยเธอก็ควรรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา”
ความแตกต่างคือความจริงที่เราต้องยอมรับ ขณะเดียวกัน ความแตกต่างคือสิ่งมีประโยชน์ที่เราควรเห็นคุณค่า และถึงที่สุดแล้วไม่ว่าใครจะแตกต่างจากเราเพียงใด เขาก็มีความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา เป็นมนุษย์เหมือนเรา เราจึงควรเคารพเขา หาไม่แล้วเราก็ไม่อาจเคารพตัวเองได้